การตรวจ”โรคตับ”

รู้หรือไม่ ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่สามารถเป็นโรคตับได้ง่าย

ตับ ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกายคนเรา ซึ่งมีหน้าที่สร้างน้ำดี ช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน ทำลายสารพิษเข้าสู่ร่างกาย กรองของเสียต่างๆ ให้เป็นของดีนำกลับมาใช้ในร่างกาย ดังนั้นถ้าตับทำงานผิดปกติหรือทำงานได้น้อยลง เช่น ตับอักเสบ มีไขมันพอกตับ จะส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติไปทั้งระบบ จนนำไปสู่การเสียชีวิตได้

มารู้จัก 3 โรคตับยอดฮิตกันค่ะ🍺
1. ไขมันพอกตับ จะเกิดจากคนที่ชอบบริโภคไขมัน น้ำตาล ของหวาน หรือแป้งมากจนเกินไป พอร่างกายใช้ไม่หมด ก็จะไปสะสมเป็นไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์ตับ นานๆเข้าก็อาจจะทำให้เซลล์ตับมีการอักเสบได้ โดยเฉพาะคนเมืองที่มีพฤติกรรมไม่ดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาออกกำลังกาย รวมถึงคนที่มีโรคเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูง โรคนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนอ้วน แต่คนผอมที่อ้วนลงพุงก็สามารถเป็นได้เช่นกัน
2. ตับแข็ง สาเหตุหลักเกิดจากไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี และไขมันพอกตับเรื้อรัง โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ แอลกอฮอล์จะยิ่งดูดซึมสะสมอยู่ที่ตับ พาไขมันไปเกาะตับ และเป็นตับแข็งในที่สุด แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเข้าสังคม แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกินวันละ 30 กรัมในผู้ชาย และ 15 กรัมในผู้หญิง เบียร์ 1 กระป๋องมีแอลกอฮอล์ประมาณ 13 กรัม
3. ไวรัสตับอักเสบบี ซี โรคนี้เป็นโรคติดต่อทางเลือด เพศสัมพันธ์ และเมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายก็จะไปทำลายเซลล์ตับอย่างเงียบๆ หากไม่ตรวจ และปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา ก็จะส่งผลกระทบทำให้ตับแข็ง และเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด

โรคตับปกติแล้วจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทางที่ดีเราต้องสังเกตอาการของเราอยู่เสมอ และวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะเราจะได้ทราบว่าตับเรายังปกติดีอยู่

ทำความรู้จักกับโรคไวรัสตับอักเสบ


✔️ไวรัสตับอักเสบ A #พบได้บ่อย
การติดต่อ : ติดต่อทางอาหาร หรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อาการ : ไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ดีซ่าน

✔️ไวรัสตับอักเสบ B #พบได้บ่อย
การติดต่อ : ติดต่อทางเลือด เพศสัมพันธ์ จากมารดาสู่บุตร
อาการ : ตับอักเสบรุนแรง อาจพัฒนาไปเป็นโรคตับ มะเร็งตับ

✔️ไวรัสตับอักเสบ C
การติดต่อ : ติดเชื้อทางเลือด เพศสัมพันธ์
อาการ : ตับอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นตับแข็ง มะเร็งตับได้

✔️ไวรัสตับอักเสบ D
การติดต่อ : ติดเชื้อทางเลือด กลุ่มเสี่ยงคือผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B
อาการ : ตับอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยตับเรื้อรังรุนแรงเสี่ยงเสียชีวิตได้

✔️ไวรัสตับอักเสบ E
การติดต่อ : เกิดจากทานอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น เนื้อหมู สัตว์ปีก
อาการ : ตาเหลือง ตัวเหลือ อ่อนเพลีย

อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี เป็นอย่างไร ?

🌐ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือน หลังติดเชื้อ

🌐มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้องด้านชายโครงขวา

🌐คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เป็นผื่น ปวดข้อ

🎈จะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้

🎈ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังค่ะ

รู้หรือไม่ ? ไวรัลตับอักเสบบีมีกี่ประเภท

โปรแกรมการตรวจการทำงานของตับ มีอะไรบ้าง ?

โปรแกรมตรวจ คัดกรองไวรัสตับอักเสบ และการทำงานของตับ มีอะไรบ้าง ?