โรคภูมิแพ้ตัวเอง(SLE) เกิดจากอะไร ?

โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE (Systemic Lupus Erythematosus, SLE) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคพุ่มพวง
มันเกิดจากความผิดปกติตรงส่วนไหนของร่างกายกันนะ
💉โดยปกติแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของคนเราจะมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ แต่ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ระบบภูมิคุ้มกันจะหันมาทำลายเนื้อเยื่อของตัวเอง จึงก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และเกิดอาการผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเป็นๆ หายๆ และอาการของโรคก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน โรคนี้พบบ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ เพศชาย และในเด็กพบได้บ้างแต่ไม่บ่อย
💉สาเหตุที่ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกตินั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ยังพอระบุพฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคพุ่มพวงอยู่หลายสาเหตุ โรคนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานและเคร่งครัดเนื่องจากอาการที่กำเริบอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ปัจจัยอะไร ? ที่ส่งผลให้เกิดโรคพุ่มพวง

🎈การใช้ยา และสารเคมีต่าง ๆ หรือยาประเภทควบคุมความดันเลือด ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
🎈ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในบางครั้งจะส่งผลด้วย เช่น ช่วงตั้งครรภ์หรือช่วงที่เติบโตในแต่ละวัย เป็นต้น
🎈การถ่ายทอดพันธุกรรม โรคหรืออาการบางชนิดที่เกิดในวงเครือญาติอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพุ่มพวงได้
🎈ปฏิกิริยาต่อแสงแดด สำหรับคนที่มีผิวหนังไวต่อแสงแดดจะทำให้เกิดผลข้างเคียงจากอาการแพ้ดังกล่าวได้
อาการของโรคพุ่มพวง มีอะไรบ้าง?

เป็นผื่นบริเวณใบหน้า หู แขน ขา และลำตัว อาการเหล่านี้ใช่โรคพุ่มพวง (SLE) หรือเปล่านะ ?
🩺อาการของโรคนี้มีอยู่หลายระดับ ถึงแม้จะรักษาได้แต่ในผู้ป่วยบางรายถึงแม้จะรักษาไปแล้วอาการจะยังคงอยู่แบบถาวร โดยอาการดังกล่าวมีอยู่หลายแบบดังนี้
✅เป็นผื่นบริเวณใบหน้า ใบหู แขนขา และลำตัว โดยเฉพาะผื่นแดงที่ใบหน้า หรือบริเวณที่โดนแดด
✅ผมร่วง
✅มีแผลในปาก
✅ปวดข้อ ข้อบวมจากการอักเสบ
✅ไตอักเสบ รวมถึงมีการอักเสบของปอดหรือหัวใจ
✅อาการซีด เกิดภาวะโลหิตจาง เม็ดเลือดขาวหรือเกร็ดเลือดต่ำ
✅มีอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เช่น อาการชัก เป็นต้น
✅ผู้ป่วยอาจจะมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย หรือน้ำหนักลด
หากพบว่าตนเองมีอาการดังกล่าวตั้งแต่ 4 ข้อขึ้นไปอาจเป็นสัญญาณว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพุ่มพวงได้ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่แน่นอนต่อไป
วิธีการรักษาโรคพุ่มพวงต้องทำอย่างไร ?

โรคพุ่มพวง (SLE) รักษาได้ แต่ต้องใช้เวลานานพอสมควร เราควรมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรดี ?
👉อยู่ในสถานที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก
👉ควรใช้ครีมกันแดด หรือหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด
👉พักผ่อนให้เพียงพอ
👉พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
👉ทำสมาธิ ไม่วิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ มากเกินไปจนเกิดภาวะเครียด
โรคพุ่มพวง (SLE) เป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างสม่ำเสมอ และทานยาตามที่แพทย์สั่ง ในการติดตามอาการ และการเฝ้าระวังอาการที่กำเริบถือว่าสำคัญอย่างมากเนื่องจากบางอาการอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้
สำหรับครอบครัวที่มีแผนจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูกในครรภ์
โปรแกรมอะไรบ้างที่ตรวจโรคภูมิแพ้ตัวเองได้(SLE) ?

